จังหวัดสิงห์บุรีมีพื้นที่ทั้งหมด 514,049 ไร่ เป็นพื้นที่อยู่ในเขตชลประทาน 411,781 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 80.11 ของพื้นที่จังหวัด โดยพื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในเขตชลประทาน มีการใช้พื้นที่ทำ การเกษตรทั้งหมด 394,236 ไร่ (ร้อยละ 76.69) จำแนกเป็นที่นา 357,524 ไร่ (ร้อยละ 69.55) พืชไร่ 9,556 ไร่ (ร้อยละ 1.85) พืชสวน 23,904 ไร่ (ร้อยละ 4.65) เลี้ยงสัตว์ 396 ไร่ (ร้อยละ 0.08) และพื้นที่ประมง เพาะเลี้ยง 2,856 ไร่ (ร้อยละ 0.56) ระบบชลประทานเพื่อการเกษตร พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสิงห์บุรี อยู่ในเขตชลประทานมีจำนวนทั้งสิ้น 411,781 ไร่ และจากข้อมูลสามารถกำหนดศักยภาพการพัฒนาของจังหวัด คือ เป็นแหล่งพื้นที่ด้านเกษตรกรรม ระบบชลประทาน มีทุนทางสังคมด้านพุทธศาสนาจำนวนมาก สินค้าโอทอป (OTOP) ของจังหวัดสิงห์บุรีได้รับการส่งเออก เช่น จักสานจิ๋ว กุนเชียงปลา หมูทุบ ปลาทุบสมุนไพร มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเป็นแหล่งผลิตอาหารปลา และร้านอาหารปลาที่มีคุณภาพ
จังหวัดสิงห์บุรี มีศักยภาพในภาคการเกษตร เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญทั้งข้าว พืชสวน (กล้วย มะม่วง มะนาว, พืชผัก) พืชไร่ (อ้อย, ข้าวโพด) สินค้าปศุสัตว์ (ปลา,แพะ,สุกร) แต่เกษตรกรยังขาดพื้นฐานและการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการจัดสรรพื้นที่ พัฒนาแหล่งน้ำ ที่ดิน และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ จังหวัดสิงห์บุรีได้กำหนดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ว่า “เมืองเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐาน ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต สังคมอยู่เย็นเป็นสุข” โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพปลอดภัยได้มาตรฐานสู่ตลาดผู้บริโภค เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และบริการท่องเที่ยวมีคุณภาพได้มาตรฐาน และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และตำบลไม้ดัด เป็นพื้นที่ราบลุ่มมีระบบชลประทานหลายแห่ง เหมาะสำหรับทำการเกษตร ส่วนใหญ่ประชาชนเป็นเกษตรกร และในพื้นที่ยังมีศูนย์ศึกษาการเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ชุมชนตามพระราชดำริ จังหวัดสิงห์บุรี (เจ้าของที่ดินบริจาคให้กับมูลนิธิชัยพัฒนา) แต่ทางศูนย์เรียนรู้ฯและชุมชน ยังประสบปัญหาในการบริหารจัดการ และการทำเกษตรปลอดภัยแบบครบวงจร ดังนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จึงต้องการศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของชุมชน รวบรวมข้อมูลทุนทางสังคม ถ่ายทอดองค์ความรู้เรื่องการทำเกษตรปลอดภัยแบบครบวงจรให้กับประชาชนและเกษตรกร จนสามารถสร้างแหล่งเรียนรู้ตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ให้ชุมชนสามารถจัดสรรพื้นที่ ทำเกษตรปลอดภัยวิถีอินทรีย์ และพัฒนาตัวสินค้าให้มีคุณภาพสู่สากล พัฒนาให้ความรู้กับเกษตรกรจนสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ของตนเองให้กับนักท่องเที่ยวได้ จนกลายเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้กัน และนำไปปฏิบัติจริง
ในพื้นที่ตำบลไม้ดัด มีกลุ่มครัวเรือนอาสาที่เกิดจากการรวมตัวของคนพื้นที่ตำบลไม้ดัด โดยเริ่มจากบริษัทน้ำตาลสิงห์บุรี (เครือมิตรผล) ร่วมกับกศน.ตำบลไม้ดัด ต้องการส่งเสริมกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ตำบลไม้ดัด ที่เป็นเกษตรกรในการน้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จากการสอบถามและสัมภาษณ์ชาวบ้านกลุ่มนี้ พบว่า ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย มีการใช้สารเคมีทางเกษตรมากเกินความจำเป็น และยังขาดความรู้ด้านเกษตรปลอดสารพิษ และต้องการเรียนรู้อาชีพเสริมเพิ่มรายได้ที่เหมาะสมกับบริบทของตนเองและชุมชน เรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรปลอดสารพิษใช้ในการเกษตร และมีแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ข้าพเจ้าจึงสนใจที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้แบบยั่งยืน จึงได้ศึกษาเกษตรทฤษฎีใหม่ด้วยตนเองจนพบว่า หากได้ทำตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ ย้อนรอยวิถีเกษตรอินทรีย์สู่เกษตรธรรมชาติ ก็จะสามารถที่ช่วยเหลือให้ชาวบ้านให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้